รัฐบาลตามติดราคาสินค้าควบคุม ด้าน ก.พาณิชย์ เบรกขึ้นราคานมผงเด็ก และปลากระป๋อง
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อที่ประสบอยู่ทั่วโลก ทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศขยับตัวสูงขึ้นตาม ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลราคาอย่างเต็มที่ โดยให้ถือหลักทุกฝ่ายสามารถอยู่ได้ ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค
ส่วนที่มีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์นมผงเลี้ยงเด็กแรกเกิด จะปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และปลากระป๋องปรับขึ้นราคากระป๋องละ 2 บาทนั้น ทางกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า สินค้าทั้ง 2 รายการ เป็นสินค้าควบคุมหากจะปรับราคาจะต้องยื่นขออนุญาตมายังกรมการค้าภายในเสียก่อน และทางกรมฯ ได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตสินค้าตรึงราคาสินค้าในราคาเดิม เพื่อไม่ซ้ำเติมค่าครองชีพประชาชน ส่วนที่พบว่ามีราคาขยับขึ้นในขณะนี้ อาจเกิดจากการปรับส่วนลดทางการค้าของผู้ผลิต ทำให้ราคาจำหน่ายในท้องตลาดสูงขึ้น
ส่วนกรณีนมถั่วเหลืองจะปรับขึ้นราคากล่องละ 1-2 บาทนั้น เนื่องจากนมถั่วเหลืองเป็นสินค้าทางเลือก ไม่ใช่สินค้าควบคุมที่ต้องขออนุญาต แต่จะต้องกำหนดราคาให้สอดคล้องตามต้นทุนไม่ให้สูงเกินจริง ซึ่งกรมฯได้ประสานขอดูโครงสร้างต้นทุนว่าอัตราที่ปรับเหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุนหรือไม่
ขณะนี้มีสินค้าและบริการควบคุมจำนวน 56 รายการ ซึ่งรองนายกฯจุรินทร์ ได้สั่งการให้ติดตามการปรับเปลี่ยนราคาอย่างใกล้ชิด โดยระบบของกรมการค้าภายใน ได้กำหนดแนวทางไว้ คือ สินค้าและบริการที่มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษ เช่น เนื้อหมูชำแหละ ไก่สด น้ำมันพืช จะมีการติดตามราคาและภาวะทั้งในประเทศ และต่างประเทศเป็นประจำทุกวัน พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบและปฏิบัติการตรวจสอบราคาจำหน่ายเข้มงวดและต่อเนื่อง ส่วนสินค้าสินค้าและบริการที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เช่น สบู่ น้ำยาล้างจาน อาหารปรุงสำเร็จ นมผง กระดาษชำระ ซึ่งหากตรวจพบภาวะวิกฤตทางกรมอาจกำหนดมาตรการเพิ่มเติม ทั้งการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมเพิ่มเติม ควบคุมราคาขาย กำหนดให้ปันส่วน เป็นต้น มากไปกว่านั้น สินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น เช่น แชมพู สบู่เหลว หากจะมีการเปลี่ยนขนาดบรรจุ เปลี่ยนสูตร หรือเปลี่ยนกลิ่น เพื่อวางจำหน่ายใหม่ ผู้ประกอบการต้องแจ้งมายังกรมการค้าภายในให้ทราบทุกครั้งก่อนจะนำไปวางจำหน่ายไม่เช่นนั้นถือว่ามีความผิดตามระเบียบของกรมฯ