เตรียมพร้อมเชื่อมต่อลาดพร้าว – สำโรง รถไฟฟ้าสายสีเหลือง คืบหน้าแล้ว เกือบ 100%
วันที่ 16 มกราคม 2566 น.ส. ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ระบบคมนาคมขนส่งทางราง” ที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งพัฒนาระบบคมนาคมทางรางอย่างต่อเนื่อง ทั้งรถไฟฟ้าภายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล, รถไฟทางคู่ทั่วประเทศ รวมไปถึงรถไฟความเร็วสูง
โดย พล.อ. ประยุทธ์ ได้อนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง โดยมีงบประมาณกว่า 48,125 ล้านบาท ผ่านมติ ครม. เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 ซึ่งปัจจุบัน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง มีความก้าวหน้าโดยรวมกว่า 98.09% (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565) โดยมีกำหนดการ พร้อมเปิดให้บริการได้ ภายในเดือนมิถุนายน 2566
น.ส. ทิพานันกล่าวว่า “ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ยังเป็นรถไฟฟ้าระบบรางเดี่ยว หรือระบบโมโนเรล มีโครงสร้างยกระดับทั้งสาย เพื่อลดผลกระทบในการก่อสร้าง โดยวางผังพื้นอาคารบริเวณเกาะกลางถนน อาคารสถานี มีระดับทางวิ่งสูง 15 เมตร ชานชาลากว้าง 20-25 เมตร ยาว 110 เมตร จึงใช้พื้นที่น้อย และมีการเวนคืนพื้นที่น้อยที่สุด ทำให้ใช้งบประมาณน้อยกว่ารถไฟรางคู่”
โดยโครงการดังกล่าว หากแล้วเสร็จ จะช่วยระบายความหนาแน่นของการจราจรในบริเวณพื้นที่ลาดพร้าว, รามคำแหง, ศรีนครินทร์ จนถึงพัฒนาการ ที่ล้วนเป็นจุดที่ประสบปัญหาการจราจรค่อนข้างมาก โดยรถไฟฟ้าสายสีเหลืองระยะทางทั้งสิ้น 30.4 กิโลเมตร รวม 23 สถานี
พร้อมทั้งมีการเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีลาดพร้าว ที่สถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือ สถานีรัชดา, สถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีลำสาลี, สถานีรถไฟเชื่อมต่ออากาศยาน Airport Rail Link ที่บริเวณแยกต่างระดับพระราม 9, รถไฟฟ้าสายสีเทา ขอกรุงเทพฯ และรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีสำโรง อีกด้วย
“ที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ ได้เร่งรัดและติดตามความก้าวหน้าของโครงการมาโดยตลอด เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชนจากกรุงเทพฯ สู่ปริมณฑล เพื่อช่วยลดความแน่นหนาของการจราจร ช่วยให้ประหยัดเวลา และสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ปลอดภัย ลดมลพิษ
ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน อีกทั้งยังกระจายการพัฒนาเศรษฐกิจ ส่งเสริมการขยายตัวของเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจตลอดแนวเส้นทาง” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุ